ชุบชีวา ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธา ร่วมส่งต่อความอิ่มท้องและอิ่มใจ เพื่อช่วย 5 สถานที่ ที่ขาดแคลน
"ซื้อข้าวชุบชีวา = ได้บุญ 2 ต่อ"
ต่อที่ 2 : ส่งข้าวสารถึงผู้ที่ต้องการ
ต่อที่ 1 : ช่วยให้ชาวนาได้เงินเพิ่มกิโลละ 1 บาท
*ผู้ยากไร้ – สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า – สถานสงเคราะห์เด็ก
คนชราและคนพิการ – สถานรับเลี้ยงสัตว์ – สัตว์จรจัด
การทำบุญด้วยข้าวสาร เปรียบเสมือนการต่อชีวิตให้ผู้อื่น
” วันใดที่เราอ่อนแรง บุญนี้จะย้อนกลับมาโอบอุ้มเรา
ให้ไม่ขาดแคลน ทั้งภายใจและเส้นทางชีวิต “
บ้านเด็กเร่ร่อนครูมุ้ย: บ้านหลังที่สองของเด็กผู้ด้อยโอกาส
บ้านเด็กเร่ร่อนครูมุ้ย หรือที่รู้จักกันในชื่อ มูลนิธิบ้านเด็กเร่ร่อนครูมุ้ย เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ตั้งอยู่ที่ 85/2 หมู่ 9 ซอยเปรมฤทัย 1 ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130
ก่อตั้งโดย ครูจารนัย เอียงอิ่ม (“ครูมุ้ย”) เพื่อช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนและเด็กที่มีปัญหาครอบครัว เด็กที่เข้ามาอยู่กับบ้านครูมุ้ยมักเป็นเด็กอายุตั้งแต่ประมาณ 3-15 ปี และขณะนี้บ้านเด็กเร่ร่อนครูมุ้ยรับดูแลเด็กอยู่ประมาณ 40 คน
บทบาทและภารกิจหลัก
ให้ที่พักอาศัยและความมั่นคง
เด็กที่ไม่มีครอบครัวหรือถูกทอดทิ้ง สามารถเข้าพักอาศัยในบ้านครูมุ้ย ซึ่งจัดให้มีห้องนอน ห้องเรียน สนามเด็กเล่น และบริเวณปลอดภัยสำหรับการดำรงชีวิตประจำวันการศึกษาและการพัฒนา
บ้านครูมุ้ยสนับสนุนการศึกษาให้เด็กได้เรียนหนังสือ พร้อมช่วยสอนเสริม วิชาความรู้ชีวิต และทักษะเพื่อการพึ่งตนเองโภชนาการและสุขภาพ
จัดอาหารให้เด็กทุกมื้อ พร้อมดูแลเรื่องสุขภาพเบื้องต้น และประสานกับคลินิกหรือโรงพยาบาลหากมีความจำเป็นกิจกรรมสังคมและการช่วยเหลือ
บ้านเด็กเร่ร่อนครูมุ้ยเปิดรับผู้ที่ต้องการมาช่วยเหลือ ทั้งบริจาคสิ่งของ อาหาร เครื่องนอน หรือจัดกิจกรรมร่วมกับเด็ก ๆ
บ้านเด็กรามอินทรา: พลังแห่งการให้โอกาสให้กับเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน
บ้านเด็กรามอินทรา หรือชื่อเต็มว่า บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน รามอินทรา คือการรวมตัวของมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นควบคู่กับความพิการอื่น ๆ (พิการซ้ำซ้อน) ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ประวัติความเป็นมาและพันธกิจ
บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อนในพื้นที่รามอินทรา เริ่มต้นดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการ “บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน” ที่รับเด็กตาบอดซ้ำซ้อนที่ถูกทอดทิ้งหรือไม่มีที่พึ่งพิง จากนั้นในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา” พร้อมเปิดการเรียนการสอนภายใต้หน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในฐานะโรงเรียนเอกชนการกุศล ครอบคลุมการศึกษา ตั้งแต่ระดับก่อนประถมถึงประถมศึกษาในลักษณะโรงเรียนการศึกษาพิเศษ
พันธกิจของบ้านเด็กรามอินทรามุ่งเน้นให้การศึกษาและฟื้นฟูศักยภาพของเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการเรียนรู้ วิชาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ ด้วยความร่วมมือจากชุมชน องค์กร และผู้มีจิตศรัทธา
การดำเนินงาน ปัจจุบัน และบริการที่มี
สถานที่ตั้ง: 21/13 ซอยรามอินทรา 34 แยก 19 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ
หมายเลขโทรศัพท์: 02-5103625, 02-5104885
กลุ่มเป้าหมาย: เด็กอายุประมาณ 2–16 ปี ที่เป็นตาบอดควบคู่กับความพิการอื่น ๆ
บริการหลัก:
1. การศึกษาในรูปแบบการศึกษาพิเศษ (ก่อนประถมถึงประถม)
2. ฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม
3. จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ กิจกรรมฝึกอาชีพ และการพัฒนาทักษะชีวิต
4. การรับบริจาค สิ่งของ เครื่องใช้ อาหาร และอุปกรณ์ช่วยเหลือเด็กพิการ
บ้านเด็กรามอินทรายังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางแห่งความเมตตา ผู้คนและองค์กรต่าง ๆ ได้ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุน ทั้งในด้านโครงสร้าง อาคาร สิ่งอำนวยความสะดวก และทุนการศึกษา
จุดเด่น และความสำคัญต่อสังคม
บ้านเด็กรามอินทราเป็นสถาบันที่ไม่เพียงให้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การดูแลแบบ “บ้าน” ให้เด็กพิการมีที่อาศัยเหมือนครอบครัว
เป็นหนึ่งในไม่กี่สถานที่ที่มุ่งดูแล เด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน — กลุ่มที่มักถูกละเลยในระบบทั่วไป
ทำให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสเรียนหนังสือ ฝึกทักษะ และเติบโตอย่างมีศักดิ์ศรี
เป็นตัวอย่างของการรวมพลังของภาคประชาสังคม ชุมชน และผู้บริจาค ที่ช่วยกันสร้างโอกาสให้ผู้ด้อยโอกาส
มูลนิธิธารนุเคราะห์ (สถานพักฟื้นคนชราบางเขน): “บ้านใจอ่อนโยนเพื่อผู้สูงอายุ”
มูลนิธิธารนุเคราะห์ หรือที่รู้จักในนาม สถานพักฟื้นคนชราบางเขน เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ตั้งอยู่ที่ 159/4 ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 64 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
บทบาทหลักของมูลนิธินี้คือการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่ถูกทอดทิ้ง หรือผู้ที่ไม่มีผู้ดูแลในบั้นปลายชีวิต โดยจัดให้มีที่พักอาศัย บริการดูแลประจำวัน และการฟื้นฟูสุขภาพกาย-ใจ ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและให้เกียรติ
บริการและกิจกรรมของมูลนิธิธารนุเคราะห์
มูลนิธิธารนุเคราะห์ดำเนินงานหลายด้านเพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยและผู้สูงอายุ ได้แก่:
ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่มีบ้าน
ผู้ที่เข้ามาพักสามารถอาศัยอยู่ในสถานพักฟื้นซึ่งจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น ห้องพัก, ห้องน้ำ, พื้นที่ส่วนกลางการดูแลสุขภาพประจำวัน
มีการดูแลเรื่องอาหาร โภชนาการ เบาหวาน ความดัน โรคประจำตัว และการติดตามอาการเจ็บป่วยทั่วไปกิจกรรมสังคมและจิตอาสา
มูลนิธิธารนุเคราะห์เป็นจุดรวมกิจกรรมจิตอาสา เช่น มอบอุปกรณ์จำเป็นให้ผู้สูงอายุ อำนวยความสะดวก ความช่วยเหลือตามโครงการสังคมต่าง ๆ SPU+1รับบริจาคและการสนับสนุนจากองค์กรเอกชน
มีการรับบริจาคของใช้ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้จำเป็น โดยองค์กร เช่น “BEST Express” ได้มอบของใช้ไฟฟ้า เครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้สูงอายุภายในมูลนิธิ
จุดเด่นและความสำคัญต่อชุมชน
อยู่ในเมือง มีการเข้าถึงง่าย
ที่ตั้งในเขตดอนเมือง ใกล้ซอยวิภาวดีฯ 64 ทำให้การเดินทางสะดวกสำหรับผู้บริจาค ครอบครัวผู้สูงอายุ หรือหน่วยงานที่มาสนับสนุนบทบาททางสังคมในสภาวะผู้สูงอายุที่เปลี่ยนแปลง
เมื่อสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มูลนิธิเช่นนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยบรรเทาปัญหาผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแลความไว้วางใจจากภาคองค์กรเอกชน
มีโครงการร่วมมือกับธุรกิจและภาคเอกชน เช่น การบริจาคสิ่งของหรือจัดกิจกรรมมอบรอยยิ้มแก่ผู้พักอาศัยเปิดพื้นที่สำหรับจิตอาสาและการให้
เปิดโอกาสให้ประชาชนและกลุ่มอาสาสมัครเข้ามาช่วยเหลือ ทำกิจกรรมร่วมกับผู้สูงอายุ ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในสังคม
ความท้าทายและแนวทางพัฒนาในอนาคต
ทรัพยากรทางการเงินและสิ่งของ: ความต้องการของผู้พักอาศัยไม่เคยลดลง แต่ทรัพยากรมีจำกัด จึงจำเป็นต้องหาแหล่งสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
บุคลากรเฉพาะทาง: การดูแลผู้สูงอายุบางรายอาจต้องการผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือกายภาพบำบัด ซึ่งต้องการค่าใช้จ่ายสูง
การสร้างเครือข่ายและการประชาสัมพันธ์: เพื่อให้ผู้ที่ต้องการบริการหรือผู้ที่สนใจช่วยเหลือรับทราบ
การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก: ปรับปรุงอาคาร ห้องน้ำ ทางเดินให้ทันสมัย ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
มูลนิธิวัยวัฒนานิวาส: บ้านหลังสุดท้ายของคุณตาคุณยาย
มูลนิธิวัยวัฒนานิวาส (สถานสงเคราะห์คนชรา) ตั้งอยู่ใน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นองค์กรเอกชนที่ดูแลผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแล หรือผู้ที่ต้องการสถานที่พักพิงในบั้นปลายชีวิต โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายหลักสำหรับผู้เข้าอยู่ตามนโยบายของมูลนิธิ
พื้นที่ตั้งของมูลนิธิคือ 999 ซอยวัดราษฎร์โพธิ์ทอง ถ.สุขุมวิทสายเก่า ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ เบอร์ติดต่อของมูลนิธิคือ +66 2 387 2741
บทบาท ภารกิจ และการให้บริการ
มูลนิธิวัยวัฒนานิวาสมุ่งเน้นให้การดูแลผู้สูงอายุในรูปแบบ “บ้านหลังสุดท้าย” สำหรับผู้ที่ไม่มีบ้านหรือครอบครัวดูแล โดยมีบริการหลักดังนี้:
ที่พักอาศัยแบบถาวร — ผู้สูงอายุที่เข้าอยู่สามารถอาศัยได้เป็นระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
ดูแลประจำวันและสุขภาพ — ดูแลเรื่องอาหาร โภชนาการ ยา และการช่วยเหลือด้านการเคลื่อนไหวเมื่อต้องการ
กิจกรรมสังคมและจิตใจ — จัดกิจกรรมบันเทิง เยี่ยมเยียน หรือเชิญภาคอาสาสมัครมาสร้างความสนุกสนานให้ผู้พักอาศัย
การซ่อมบำรุงสิ่งอำนวยความสะดวก — รักษาอาคาร ห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวกให้ใช้งานได้ดีและปลอดภัย
ในกรณีที่มีโครงการ CSR หรือกิจกรรม “แบ่งปันรอยยิ้ม” มูลนิธิจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกเข้ามาช่วยเหลือ เช่น บริจาคสิ่งของ หรือจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อผู้สูงอายุ
จุดเด่นและคุณค่าที่มูลนิธิสร้างให้กับชุมชน
ดูแลแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายหลัก — เป็นที่พักพิงสำหรับผู้สูงอายุโดยไม่มีภาระค่าเช่า
สร้างเครือข่ายจิตอาสาและผู้สนับสนุน — รับบริจาคจากภาคเอกชนและอาสาสมัคร
ตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแล — มอบโอกาสให้คนที่ถูกทอดทิ้งหรือไม่มีที่พึ่งมีที่อยู่ในวัยชรา
ความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนและสังคม — เป็นจุดที่ชาวบ้านและองค์กรสามารถเข้ามามีส่วนร่วม ลดช่องว่างระหว่างวัยและสร้างความเมตตา
ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนา
การจัดหา ทรัพยากร เช่น งบประมาณ อาหาร เครื่องนอน ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์
บุคลากรดูแลผู้สูงอายุที่มีทักษะเฉพาะทาง
การประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและสังคมในการสนับสนุน
การประชาสัมพันธ์และดึงดูดผู้สนใจมาช่วยเหลือ
บ้านหมาป้ามณี: เส้นทางแห่งความเมตตาต่อเพื่อนสี่ขาจรจัด
บ้านหมาป้ามณี หรือ “มะหมาบ้านป้ามณี” เป็นบ้านพักพิงสัตว์ที่ตั้งอยู่ย่านปทุมธานี โดยมีชื่อเสียงในฐานะที่ดูแลน้องหมาและแมวจรจัดจำนวนมาก ภายใต้ความตั้งใจของป้ามณีและผู้ที่สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมา ปัจจุบันบ้านหมาป้ามณีดูแลสัตว์เลี้ยงจรจัดราว กว่า 500 ชีวิต (หมาประมาณ 400 ตัว และแมวราว 60 ตัว) ตามข้อมูลจากโครงการ “ข้าวสารให้น้องมะหมาบ้านป้ามณี”
ประวัติความเป็นมาและเจตนารมณ์
ป้ามณี (เกิด พ.ศ. 2482) เป็นผู้หญิงที่รักสัตว์ แม้ในชีวิตประจำวันที่ไม่สะดวกสบาย เธอก็ยังมอบความรักและดูแลน้องหมาแมวจรจัดที่ถูกทอดทิ้ง หรือได้รับบาดเจ็บให้ได้รับการช่วยเหลือ เธอขายทรัพย์สินและเป็นหนี้เพื่อใช้ในค่ารักษาพยาบาล และยังพยายามจัดการให้สัตว์เหล่านี้ไม่ต้องอดอาหารหรือประสบอาการเจ็บป่วยโดยไม่มีการดูแล
หลังจากที่ป้ามณีถึงแก่กรรมแล้ว “พี่ใหม่” ผู้ซึ่งเป็นลูกสาว ได้สืบทอดภารกิจดูแลบ้านหมาป้ามณีต่อมา เพื่อรักษาเจตนารมณ์ของป้ามณีให้ดำรงอยู่ต่อไป
ภารกิจหลักและการดูแลสัตว์
บ้านหมาป้ามณีทำหน้าที่เป็นที่พักพิงสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ตกที่นั่งลำบาก โดยให้การดูแลอย่างเต็มที่ในหลายด้าน ดังนี้:
ที่พักและความปลอดภัย: จัดพื้นที่ให้สัตว์ได้อาศัยอย่างปลอดภัย มีกรงหรือพื้นที่เปิดตามความเหมาะสม
โภชนาการ: ให้ข้าวสาร อาหารสด อาหารเม็ด และอาหารที่สัตว์แต่ละตัวเหมาะสม
การรักษาพยาบาล: พาสัตว์ไปหาหมอ รักษาโรค เจ็บป่วย บางตัวอาจต้องผ่าตัด
การรับบริจาคและสนับสนุน: รับบริจาคข้าวสาร อาหารสัตว์ ของใช้ เช่น ผ้าห่ม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ
โครงการ “ข้าวสารให้น้องมะหมาบ้านป้ามณี” เคยระบุว่า หนึ่งกระสอบข้าวสารที่มอบให้บ้านหมาป้ามณี สามารถช่วยเลี้ยงอาหารน้องหมาจำนวนมากในหนึ่งวัน เนื่องจากมีสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนมาก
ความท้าทายและอนาคต
การจัดหา ทรัพยากร เช่น งบประมาณ อาหาร เครื่องนอน ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์
บุคลากรดูแลผู้สูงอายุที่มีทักษะเฉพาะทาง
การประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและสังคมในการสนับสนุน
การประชาสัมพันธ์และดึงดูดผู้สนใจมาช่วยเหลือ
แม้บ้านหมาป้ามณีจะได้รับความสนใจ แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ:
ทรัพยากรจำกัด: ค่าอาหาร ยา ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลสูงมาก
พื้นที่และโครงสร้าง: ต้องมีการปรับปรุงอุปกรณ์ กรง และสภาพแวดล้อมเพื่อสุขภาพของสัตว์
ความต่อเนื่องของการดูแล: หากไม่มีผู้สนับสนุนเพียงพอ อาจเกิดภาระเกินกำลัง
การประชาสัมพันธ์: เพื่อให้ผู้ที่สนใจมาบริจาคหรือรับเลี้ยงรับรู้